Apple เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ มากับดีไซน์แบบ All Screen จอภาพ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว มาพร้อม Face ID สำหรับปลดล็อค iPad อย่างปลอดภัยและรวดเร็วผ่านการมอง นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของ iPad ตั้งแต่รุ่นแรก อีกทั้งยังใช้ชิพ A12X Bionic กับ Neural Engine รุ่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลถึง 1TB รองรับ 4G LTE Advanced และช่องเชื่อมต่อมาตรฐาน USB-C
ดีไซน์ใหม่แบบหน้าจอทั้งหมด
iPad Pro มาพร้อมกับจอภาพที่ทันสมัยที่สุดในโลก ด้วยจอภาพ Liquid Retina แบบจรดขอบอันงดงาม พร้อมทั้งมุมมนที่เข้ากับส่วนโค้งของตัวเครื่องเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมด้วยแก้วขึ้นรูปที่มีความเที่ยงตรงสูง การมาส์กพิกเซลขั้นสูง การลดรอยหยักพิกเซลย่อย และดีไซน์ไฟแบ็คไลท์ใหม่ ทำให้จอภาพ Liquid Retina ใหม่ใน iPad Pro กลายเป็นจอภาพ iPad ที่สว่างที่สุดและมีสีสันถูกต้องแม่นยำที่สุดของ Apple พร้อมทั้งรองรับช่วงสีที่กว้าง ขึ้น True Tone และเคลือบสารกันแสงสะท้อนเพื่อให้ประสบการณ์การรับชมถูกต้องตามธรรมชาติทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง และด้วยเทคโนโลยี ProMotion™ ปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz อัตโนมัติ ทำให้การเลื่อนหน้าจอหน้าจอบน iPad Pro มีความลื่นไหล และตอบสนองรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ
iPad Pro ขนาด 11 นิ้ว ใหม่ มาพร้อมจอภาพขนาดใหญ่ขึ้นและมีพิกเซลมากกว่ารุ่น 10.5 นิ้ว ที่มีขนาดเท่ากัน แต่หนักเพียง 1 ปอนด์ ส่วน iPad Pro ขนาด 12.9 นิ้ว ใหม่ มาพร้อมจอภาพขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา iPad ทุกรุ่น ในตัวเครื่องที่พกพาง่ายยิ่งขึ้น เพราะปริมาตรลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์3โดยทั้งสองรุ่นมีความบางเพียง 5.9 มม. ซึ่งเป็นดีไซน์ iPad ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา จึงทำให้พกพา iPad Pro ได้ทุกที่อย่างสบายยิ่งขึ้น
ชิพ A12X Bionic และ Neural Engine รุ่นใหม่
ชิพ A12X Bionic ได้รับการผลิตขึ้นมาเพื่อ iPad Pro โดยเฉพาะและเป็นชิพที่ชาญฉลาดและทรงพลังมากที่สุดในแท็บเล็ต ทำให้แม้กระทั่งงานประมวลผลที่หนักที่สุด เช่น การตัดต่อรูปภาพหรือการสร้างโมเดล 3 มิติเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองไวขึ้น ตัวชิพผลิตขึ้นจากเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรชั้นนำของอุตสาหกรรม โดยชิพ A12X Bionic แปดคอร์อันทรงพลังมีคอร์ประมวลผลการ 4 ตัวและคอร์ประหยัดพลังงาน 4 ตัว เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานแบบคอร์เดียวเร็วขึ้นถึง 35% และตัวควบคุมประสิทธิภาพการทำงานแบบใหม่สำหรับการใช้งานพร้อมกันทั้ง 8 คอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด 90 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างการทำงานแบบมัลติเธรด GPU 7 คอร์ที่ Apple ออกแบบ ส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานด้านกราฟิกสูงขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อประสบการณ์ AR ที่ยอดเยี่ยมและดื่มด่ำและคุณภาพกราฟิกระดับคอนโซล ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพการทำงานอันโดดเด่นและความสามารถต่างๆ ของ iPad Pro ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง
Neural Engine รุ่นใหม่จาก Apple ได้รับการสร้างขึ้นมาสำหรับการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูงทุกรูปแบบตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึง AR ด้วยมีความเร็วในการประมวล 5 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที Neural Engine ทำให้ การทำงานของ Face ID เร็วขึ้น การตรวจจับระนาบสำหรับแอพ AR เร็วขึ้น และคุณลักษณะใหม่อื่นๆ ที่ใช้การเรียนรู้ด้วยเครื่องแบบเรียลไทม์เร็วขึ้น Neural Engine ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นสำหรับงานเกี่ยวกับ Core ML ซึ่งช่วยเปิดทางให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพและขั้นตอนการทำงานใหม่ๆ ของ iPad ที่ใช้เอนจิ้นการเรียนรู้ของเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Face ID มาสู่ iPad
Face ID ซึ่งเป็นระบบการตรวจสอบใบหน้าที่ปลอดภัยที่สุดในแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ และได้มาสู่ iPad เป็นครั้งแรก Face ID ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ในขณะถือ iPad Pro ในตำแหน่งใดก็ตามหรือในขณะกำลังนั่งและใช้งาน Smart Keyboard Folio ใหม่ นอกจากนี้ Face ID ยังใช้ประโยชน์จากระบบกล้อง TrueDepth เพื่อเชื่อมโยงและจดจำใบหน้าอย่างแม่นยำเพื่อปลดล็อค iPad Pro อย่างปลอดภัย รวมไปถึงการเปิดใช้งาน Apple Pay ในแอพและทางออนไลน์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอพได้อย่างปลอดภัยและง่ายดายเช่นกัน กล้อง TrueDepth บน iPad Pro ยังช่วยให้ใช้ Animoji และ Memoji ได้อีกด้วย
อุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับ AR
กล้องและเซ็นเซอร์ประสิทธิภาพสูงและลำโพง 4 ตัวที่ปรับปรุงใหม่ บวกกับพลังของชิพ A12X Bionic ช่วยให้ iPad Pro ซึ่งมีช่องมองภาพขนาดใหญ่เป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับ AR ด้วยการรองรับแอพ AR รุ่นใหม่ ทำให้การมองโลกใบใหม่ผ่านระบบ AR เป็นไปได้บน iPad เช่น การวัดการสะท้อนแสงของวัตถุในโลกจริง การสำรวจอาคารในแบบ 3 มิติ และสำรวจจักรวาลของ Adobeใน Project Aero (พร้อมใช้ในปี 2019) จะเปิดทางให้ผู้สร้างสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ยกระดับ AR บน iPad ขึ้นไปอีกขั้น
Apple Pencil 2 และ Smart Keyboard Folio
Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio ใหม่ วางจำหน่ายแยกต่างหาก และช่วยให้ผู้ใช้ iPad Pro ทำงานได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย Apple Pencil รุ่นที่สอง จะยึดติดกับ iPad Pro ด้วยพลังแม่เหล็กสำหรับการจับคู่และการชาร์จแบบไร้สาย เพียงแค่แตะสองครั้งที่ Apple Pencil คุณก็สามารถเลือกใช้เครื่องมือหรือแปรงที่เหมาะกับงานได้อย่างง่ายดายภายในแอพ เช่น แอพ Notes รวมไปถึงแอพอันทรงพลังจากนักพัฒนาชั้นนำ อย่าง Adobe, Autodesk และ Procreate ที่จะช่วยยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้ให้มากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
Smart Keyboard Folio ปกป้องทั้งด้านหน้าและด้านหลังของ iPad Pro ด้วยดีไซน์บางเบาเรียบง่าย และมาในรูปของคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จหรือ จับคู่ โดย Smart Keyboard Folio ใหม่ สามารถปรับได้ง่ายสำหรับการใช้บนตักหรือบนโต๊ะ จึงเหมาะที่สุดสำหรับการจดบันทึกความคิดและการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
ขุมพลังและความเป็นไปได้ใหม่ๆ กับ USB-C
ช่องเชื่อมต่อ USB-C ใหม่มาแทนที่ช่องต่อ Lightning เพื่อรองรับรูปแบบการใช้งาน iPad Pro ที่หลากหลายยิ่งขึ้น USB-C มีประโยชน์หลากหลายอย่างเหลือเชื่อ ทั้งการจ่ายไฟฟ้าสำหรับการชาร์จ รองรับ USB 3.1 รุ่นที่ 2 สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลแบนด์วิธสูงถึง 2 เท่าจากกล้องและเครื่องดนตรี และทำหน้าที่เชื่อมต่อจอภาพภายนอกสูงสุด 5K รวมไปถึงแม้กระทั่งการชาร์จ iPhone ด้วย iPad Pro ผ่าน USB-C
iOS 12 ใน iPad Pro
iOS 12 นำคำสั่งนิ้วใหม่ๆ มาสู่ iPad ที่ผู้ใช้ iPhone X และ iPhone Xs คุ้นเคยกัน ไม่ว่าจะเป็นการแตะเพื่อปลุกและการปัดนิ้วเพื่อไปหน้าจอ Home การเข้าถึงศูนย์ควบคุม และการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน แอพคำสั่งลัดใหม่ช่วยผู้ใช้ iPad เชื่อมโยงขั้นตอนการทำงานอัตโนมัติเข้าด้วยกันได้อย่างเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ทั้งขั้นตอนการตัดต่อภาพ การตัดต่อวิดีโอ และการจัดการไฟล์ต่างๆ การปรับปรุงการนำเข้ารูปภาพและการรองรับการตัดต่อภาพ RAW โดยตรง ช่วยให้ช่างภาพมีวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและทำงานหลายอย่างบน iPad Pro ในเวลาเดียวกันได้
Group FaceTime ช่วยให้การติดต่อกับกลุ่มเพื่อนหรือผู้ร่วมงานในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถเพิ่มผู้เข้าร่วมได้ทุกเมื่อ หรือเข้าร่วมภายหลังหากการสนทนายังคงดำเนินอยู่ และเลือกที่จะเข้าร่วมโดยใช้วิดีโอหรือเฉพาะเสียงจาก iPhone iPad หรือ Mac ได้ ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอขนาดใหญ่ร่วมกับ Animoji ใหม่และ Memoji แบบปรับแต่งเองได้บน iPad เพื่อเพิ่มความเฉพาะตัวให้กับภาพถ่ายและวิดีโอได้ในแอพข้อความและ FaceTime
ราคาและการจัดจำหน่าย
- iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 28,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 33,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular
- iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 35,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 40,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular
- Apple Pencil รุ่นที่สอง สำหรับ iPad Pro ใหม่ จะวางจำหน่ายในราคา 4,490 บาท
- Smart Keyboard Folio ใหม่ สำหรับ iPad Pro ใหม่ จะมาในสีเทาสเปซเกรย์ในราคา 6,490 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 7,290 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ในกว่า 30 ภาษา รวมไปถึง ภาษาจีนแบบง่าย ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และสเปน
- Smart Keyboard Folio ใหม่ มาพร้อมดีไซน์โพลียูราเทเนีย folio อันทันสมัย และจะวางจำหน่ายในหลากหลายสีในราคา 3,790 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 3,390 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว บน apple.com และร้านค้าปลีกของ Apple
- อุปกรณ์เสริมสำหรับการเชื่อมต่อ USB-C ประเทภต่างๆ ที่ออกแบบโดย Apple รวมไปถึง อะแดปเตอร์ และสายเคเบิลต่างๆ ที่ใช้งานได้กับ iPad Pro มีจำหน่ายที่ apple.com และร้านค้าปลีกของ Apple รวมถึง USB-C to SD การ์ดรีเดอร์ and USB-C to 3.5 mm อะแดปเตอร์ หูฟัง
iPad Pro ใหม่ Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio พร้อมให้สั่งซื้อตั้งแต่วันนี้ และจะวางจำหน่ายในร้านค้าตั้งแต่วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
แหล่งที่มา