iPhone 8 และ iPhone 8 Plus พร้อมทำตลาดในไทยแล้ว


Apple พร้อมวางจำหน่าย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายนเป็นต้นไป (เริ่มรับจองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน) โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ที่ทำมาจากกระจกและอะลูมิเนียม จอภาพ Retina HD ชิพ A11 Bionic กล้องเดี่ยวและกล้องคู่ใหม่ที่รองรับคุณสมบัติ "การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล" การชาร์จแบบไร้สาย และปรับแต่งมาสำหรับเทคโนโลยีความจริงเสมือน หรือ AR


iPhone 8 และ iPhone 8 Plus iPhone โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบกระจกและอะลูมิเนียมซึ่งใช้กระจกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน มีสีสันสวยงามให้เลือก 3 สี (ทอง/เงิน/เทาสเปซเกรย์) นอกจากนี้ยังมาพร้อมจอภาพ Retina HD, ชิพ A11 Bionic และออกแบบมาเพื่อสุดยอดประสบการณ์เสมือนจริง ส่วนกล้องที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกก็เยี่ยมยอดยิ่งกว่าเดิมด้วยกล้องเดี่ยวและกล้องคู่ที่มาพร้อมคุณสมบัติ "การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล" บน iPhone 8 Plus และการชาร์จแบบไร้สายที่ช่วยเพิ่มความสามารถใหม่ๆ อันทรงพลังให้กับ iPhone รุ่นใหม่

"iPhone 8 และ iPhone 8 Plus คือ iPhone เจเนอเรชั่นใหม่ที่พัฒนาต่อยอดมาจากทุกสิ่งที่เรารักใน iPhone" Philip Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ Apple กล่าว "iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีดีไซน์ที่ทำมาจากกระจกและอะลูมิเนียม พร้อมด้วยจอภาพ Retina HD ใหม่ และชิพ A11 Bionic ซึ่งเป็นชิพที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน ยิ่งกว่านั้น iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ยังสามารถชาร์จแบบไร้สายได้อย่างอิสระ และปรับแต่งมาสำหรับ AR อย่างที่ไม่เคยมีสมาร์ทโฟนเครื่องใดทำได้มาก่อน อีกทั้งยังมีกล้องที่ล้ำสมัยยิ่งกว่าเดิมพร้อมโหมดภาพถ่ายบุคคลและคุณสมบัติ "การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล" และยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอได้ยอดเยี่ยมที่สุดอีกด้วย"


ดีไซน์ใหม่อันสวยงามทำจากกระจกและอะลูมิเนียม


iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มาพร้อมดีไซน์ด้านหลังอันสวยงามซึ่งทำมาจากกระจกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน และมี 3 สีใหม่ให้เลือก ได้แก่ สีเทาสเปซเกรย์ สีเงิน และสีทอง ผิวกระจกผ่านกระบวนการลงหมึกถึง 7 ชั้น ทำให้สามารถแสดงเฉดสีและความทึบแสงได้อย่างแม่นยำ รวมถึงความอิ่มสีที่มีมิติยิ่งขึ้น นอกจากนี้ขอบเครื่องยังใช้อะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศสีเดียวกับกระจก ทั้งยังทนน้ำและฝุ่นอีกด้วย


จอภาพ Retina HD ใหม่


จอภาพ Retina HD ใหม่ ขนาด 4.7 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone ช่วยปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับแสงรอบๆ อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ประสบการณ์การรับชมมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้นเหมือนกำลังดูแผ่นกระดาษจริงๆ จอภาพ Retina HD สีสันสดใสที่รองรับขอบเขตสีกว้างสามารถแสดงสีสันได้ถูกต้องแม่นยำที่สุดในอุตสาหกรรม ส่วนลำโพงสเตอริโอออกแบบใหม่มีเสียงดังขึ้น 25% พร้อมเสียงเบสที่ทุ้มลึกกว่าเดิม เพื่อถ่ายทอดพลังเสียงเพลง เสียงโทรแบบวิดีโอหรือโทรผ่านสปีกเกอร์ได้เต็มอิ่มมากกว่าเดิม


ชิพ Apple A11 Bionic


ชิพ A11 Bionic ชิพที่ทรงพลังและฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีในสมาร์ทโฟนมาพร้อม CPU แบบ 6 คอร์ ซึ่งประกอบด้วยคอร์ประมวลผลการทำงาน 2 คอร์ที่เร็วขึ้น 25% และคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ที่เร็วกว่าชิพ A10 Fusion ถึง 70% จึงมีประสิทธิภาพในการประมวลผลและการประหยัดพลังงานอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการ ตัวควบคุมประสิทธิภาพรุ่นที่ 2 ใหม่สามารถขับเคลื่อนทั้ง 6 คอร์ไปพร้อมๆ กัน จึงช่วยให้การทำงานที่ซับซ้อนและหลากหลายมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึง 70% ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้นโดยที่แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้นาน ชิพ A11 Bionic ยังรวม GPU ที่ออกแบบโดย Apple เข้ากับดีไซน์แบบ 3 คอร์ที่จะยกระดับประสิทธิภาพด้านกราฟิกให้เร็วขึ้นอีกถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และขุมพลังทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้การเรียนรู้ของระบบอันล้ำสมัย รวมถึงแอพ AR และเกม 3D แบบสมจริงเป็นไปได้ใน iPhone


ออกแบบมาสำหรับ AR


กล้องบน iPhone 8 Plus ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อประสบการณ์ AR ในระดับสุดยอด โดยกล้องแต่ละตัวได้รับการปรับเทียบอย่างละเอียด และมีไจโรสโคปพร้อมด้วยอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบใหม่ที่ช่วยให้ติดตามการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ CPU A11 Bionic รองรับการติดตามโลกรอบตัว การรู้จำฉาก และ GPU ช่วยให้กราฟิกทำงานได้อย่างลื่นไหลอย่างน่าทึ่งที่ระดับ 60fps ในขณะที่โปรเซสเซอร์ประมวลผลสัญญาณภาพจะคาดคะเนสภาพแสงแบบเรียลไทม์ และด้วย ARKit นักพัฒนา iOS ยังสามารถใช้ประโยชน์จากระบบ TrueDepth camera และกล้องหลัง ในการสร้างเกมและแอพที่มอบประสบการณ์อันเต็มอิ่มสมจริงและไหลลื่นเกินกว่าแค่ในหน้าจอ


กล้องใหม่หมดเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเดิม


กล้องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยกล้องความละเอียด 12 เมกะพิกเซลที่ดีกว่าเดิม พร้อมเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นและไวขึ้น ฟิลเตอร์สีแบบใหม่ และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพใหม่ที่ออกแบบโดย Apple ยังทำให้การประมวลผลพิกเซลมีความล้ำหน้า สามารถบันทึกภาพด้วยขอบเขตสีกว้าง ออโต้โฟกัสได้เร็วขึ้นในสภาพแสงน้อย และถ่ายภาพ HDR ได้ดีขึ้น ในขณะที่แฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวงใหม่พร้อมด้วยคุณสมบัติสโลว์ซิงค์ช่วยให้ภาพมีความสว่างพอดีทั้งฉากหลังและฉากหน้า ทั้งหมดนี้ทำให้ได้ภาพถ่ายที่ยอดเยี่ยม มีสีสันสดใสสมจริงและถ่ายทอดรายละเอียดได้ดียิ่งขึ้น


กล้องใหม่ยังสามารถบันทึกวิดีโอด้วยคุณภาพสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวสำหรับวิดีโอที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงการบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60fps และสโลว์โมชั่นแบบ 1080p สูงสุด 240fps นอกจากนี้ ตัวเข้ารหัสวิดีโอที่ Apple ออกแบบจะวิเคราะห์ภาพและการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์เพื่อให้ได้วิดีโอที่มีคุณภาพดีที่สุด ใน iOS 11 นั้น ทั้ง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus รองรับ HEIF และ HEVC ที่บีบอัดข้อมูลได้ดีขึ้นสูงสุดสองเท่า และจัดเก็บรูปภาพและวิดีโอได้มากขึ้นอีกสองเท่า


iPhone 8 Plus มาพร้อมกล้องคู่ความละเอียด 12 เมกะพิกเซล และโหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมคุณสมบัติ "การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล" ที่เป็นการนำเอฟเฟ็กต์แสงระดับสตูดิโอสุดอลังการมาสู่ iPhone ช่วยให้ลูกค้าสามารถถ่ายภาพบุคคลที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยเอฟเฟ็กต์ระยะชัดตื้นในสไตล์การจัดแสงที่แตกต่างกัน 5 แบบ


คุณสมบัติ "การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล" ได้แรงบันดาลใจจากการค้นคว้าวิจัยแบบเจาะลึกทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ของการถ่ายภาพบุคคลและหลักการจัดแสงในการถ่ายภาพ โดยคุณสมบัตินี้จะใช้กล้องคู่และโปรเซสเซอร์ประมวลผลสัญญาณภาพที่ Apple ออกแบบในการรู้จำฉาก สร้างแผนผังในแนวลึก และแยกแบบออกจากฉากหลัง จากนั้นใช้การเรียนรู้ของระบบเพื่อระบุองค์ประกอบบนใบหน้า และเพิ่มแสงเงาให้กับส่วนเว้าส่วนโค้งของใบหน้านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในแบบเรียลไทม์ ทำให้ลูกค้าสามารถบ่งบอกความเป็นตัวเองผ่านการถ่ายภาพได้ทรงพลังยิ่งขึ้น


ออกแบบมาเพื่ออนาคตแห่งโลกไร้สาย


ดีไซน์ด้านหลังแบบกระจกคือส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบชาร์จแบบไร้สายระดับโลกกลายเป็นจริง โดยการชาร์จแบบไร้สายสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของ Qi ซึ่งรวมถึงแผ่นรองชาร์จไร้สายแบบใหม่สองรุ่นจาก Belkin และ mophie ซึ่งมีจำหน่ายที่ apple.com/th และ Apple Store


Apple เผยโฉม AirPower อุปกรณ์เสริมสำหรับการชาร์จแบบไร้สายที่จะวางจำหน่ายในปี 2018 ซึ่งมีพื้นที่สำหรับการชาร์จกว้างพอในระดับที่ลูกค้า iPhone 8, iPhone 8 Plus หรือ iPhone X สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 3 ชิ้น ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง Apple Watch Series 3 และกล่องชาร์จ AirPods แบบไร้สายที่มีให้เลือก

iOS 11 ระบบปฏิบัติการบนมือถือที่ล้ำหน้าที่สุดของโลก


iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มาพร้อม iOS 11 ที่ช่วยพัฒนาโหมดภาพถ่ายบุคคลให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีเอฟเฟ็กต์ใหม่ๆ ที่ทำให้การถ่ายรูป Live Photos สนุกสนานและมีลูกเล่นมากกว่าเดิม

iOS 11 ยังทำให้อุปกรณ์ iOS หลายร้อยล้านเครื่องได้ใช้งานความจริงเสมือน โดยมาพร้อมกับแพลตฟอร์มใหม่ซึ่งมีไว้ให้นักพัฒนาสร้างแอพต่างๆ ที่ให้ผู้ใช้วางคอนเทนต์เสมือนไว้ด้านบนสุดของฉากต่างๆ ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ Siri สามารถพูดได้ทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิง อีกทั้งสามารถแปลวลีในภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาเลียน หรือสเปนได้


ราคาเปิดตัว

  • iPhone 8 รุ่น 64GB ราคา 28,500 บาท
  • iPhone 8 รุ่น 256GB ราคา 34,500 บาท
  • iPhone 8 Plus รุ่น 64GB ราคา 32,500 บาท
  • iPhone 8 Plus รุ่น 256GB ราคา 38,500 บาท

แหล่งที่มา