Apple ออกมายอมรับอีกครั้งจากข้อกล่าวหาตั้งใจชะลอการทำงาน iPhone รุ่นเก่า ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ iOS 10.1.2 เพื่อแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม ซึ่งอาจส่งผลให้ iPhone ดับโดยไม่ได้ตั้งใจ พร้อมยื่นข้อเสนอให้ลูกค้านำ iPhone รุ่นเก่า เข้ามาเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ในราคา 29 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 950 บาท) จากปกติจะเรียกเก็บในราคา 79 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2,600 บาท)
จากปัญหามีผู้ใช้งาน iPhone ออกมาเปิดเผยว่า Apple จงใจ “ชะลอการทำงาน” ของ iPhone รุ่นเก่า ทั้ง iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone 6s, iPhone 6s Plus และ iPhone SE เพื่อรักษาอายุการใช้งานแบตเตอรี โดย Apple ใช้วิธีควบคุมความเร็วของโปรเซสเซอร์ให้น้อยลง ตามความจุแบตเตอรีที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า ความหวังดีของ Apple อาจเป็นการบีบให้ผู้ใช้เปลี่ยนเครื่องใหม่ จนในที่สุดมีผู้ใช้ส่งเรื่องฟ้องร้องการกระทำดังกล่าวแล้วหลายราย
ล่าสุด Apple ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว โดยอธิบายว่า การปรับลดความเร็วของโปรเซสเซอร์อยู่ในระบบปฏิบัติการตั้งแต่เวอร์ชัน iOS 10.1.2 เพื่อลดโอกาสการปิดเครื่องโดยอัตโนมัติของ iPhone จากปัญหาแบตเตอรีเสื่อมสภาพ
“ประการแรก และสำคัญที่สุด เราไม่เคย และจะไม่ทำการอะไรก็ตามที่จงใจลดอายุการใช้งานของสินค้าแอปเปิล หรือลดระดับประสบการณ์การใช้งานสินค้าของผู้บริโภค เพื่อผลักให้เขาไปซื้อเครื่องรุ่นใหม่” แถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ระบุ และกล่าวต่อว่า “เป้าหมายของเราตลอดมา คือ ต้องการสร้างสรรค์สินค้าที่ผู้บริโภครัก และความพยายามที่จะทำให้ไอโฟนสามารถใช้งานได้ยาวนานที่สุดเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของเป้าหมายนั้น”
แถลงการณ์ของ Apple ยังระบุด้วยว่า เพื่อช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวบริษัทได้ยื่นขอเสนอให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี iPhone รุ่นเก่าที่หมดประกันแล้วได้ในราคาถูกลง 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 79 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2,600 บาท) เหลือเพียง 29 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 950 บาท) โดยข้อเสนอดังกล่าว สำหรับผู้ที่ซื้อ iPhone 6 และ iPhone รุ่นที่ออกหลังจากนั้น โดยผู้ใช้สามารถนำเครื่องเข้ารับบริการได้ทั่วโลกตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม 2561 จนกระทั่งธันวาคม 2561
นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า Apple อัปเดตระบบปฏิบัติการ iOS ในช่วงต้นปี 2561 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสภาพของแบตเตอรีของ iPhone ได้อย่างสะดวกมากขึ้น
แหล่งที่มา