iPhone X เผยราคาและกำหนดการวางจำหน่ายในไทยแล้ว พร้อมแนะนำจุดเด่นทั้งหมด


Apple เคาะกำหนดการวางจำหน่าย iPhone X (iPhone Ten) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้  โดยมีให้เลือก 2 รุ่น 64GB ราคา 40,500 บาท และ 256GB ราคา 46,500 บาท ทั้ง 2 รุ่น มีให้เลือก 2 สี คือ สีเงิน และ สีเทาสเปซเกรย์


Apple เรียก iPhone X ว่าเป็นสมาร์ทโฟนแห่งอนาคต ด้วยดีไซน์แบบกระจกทั้งหมด มาพร้อมจอภาพ Super Retina ขนาด 5.8 นิ้ว ใช้ชิพ A11 Bionic รองรับการชาร์จไร้สาย และกล้องหลังที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งมาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวคู่แบบออปติคอล ยิ่งกว่านั้น iPhone X ยังมีวิธีใหม่สุดล้ำที่ช่วยให้ลูกค้าปลดล็อค ยืนยันตัวตน และชำระเงินได้อย่างปลอดภัยโดยใช้ Face ID โดยมีกล้องหน้า TrueDepth ใหม่เป็นหัวใจสำคัญ


"กว่าทศวรรษที่ความตั้งใจของเราคือการสร้างสรรค์ iPhone ที่เป็นหน้าจอทั้งหมด และวันนี้วิสัยทัศน์นั้นเป็นจริงแล้วด้วย iPhone X" Jony Ive ประธานฝ่ายออกแบบของ Apple กล่าว "การเปิดตัว iPhone เมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นปฏิวัติวงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วย Multi-Touch และ iPhone ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของ iPhone ยุคที่อุปกรณ์กลมกลืนกลายเป็นหนึ่งเดียวไปกับประสบการณ์การใช้งาน"


"iPhone X คือสมาร์ทโฟนแห่งอนาคต อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ธรรมดา อย่างระบบกล้อง TrueDepth สุดล้ำ, จอภาพ Super Retina อันสวยงาม และชิพ A11 Bionic ที่เร็วสุดแรงด้วยระบบการคิดแบบนิวรอล" Philip Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดทั่วโลกของ Apple กล่าว "iPhone X ช่วยเปิดประสบการณ์การใช้งานแบบใหม่ๆ ที่ลื่นไหลให้กับผู้ใช้ ตั้งแต่การปลดล็อค iPhone ด้วย Face ID จนถึงการเล่นเกมแบบ AR ที่เต็มอิ่มสมจริง และการแชร์ Animoji ในแอพ Messages เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ อีก 10 ปีต่อจากนี้สำหรับ iPhone เลยก็ว่าได้"


ดีไซน์แบบกระจกทั้งหมดอันงดงาม


iPhone X โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียกว่าเป็นการปฏิวัติวงการเลยทีเดียว เพราะทั้งหมดคือจอภาพอันน่าทึ่งที่โค้งรับกับดีไซน์แบบโค้งอย่างแม่นยำ ไปจนจรดมุมมนทั้งสี่อย่างสวยงามลงตัว ด้านหน้าและด้านหลังที่เป็นกระจกทั้งหมดใช้กระจกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟนและมีให้เลือกในสีเงินหรือสีเทาสเปซเกรย์ ในขณะที่ขอบสแตลเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรมโอบรอบตัวเครื่องและเสริมความแข็งแรงให้กับ iPhone X นอกจากนี้ผิวกระจกยังผ่านกระบวนการลงหมึกถึง 7 ชั้น จึงสามารถแสดงเฉดสีและความทึบแสงได้อย่างแม่นยำ รวมถึงชั้นออปติคอลสะท้อนแสงที่เพิ่มความสดใสสวยงามให้กับสีสัน ทำให้ตัวเครื่องมีความงดงามและแข็งแกร่งโดยที่ยังสามารถทนน้ำและฝุ่นได้เช่นเดิม


จอภาพ Super Retina ที่สวยเด่นสะดุดตา


จอภาพ Super Retina ขนาด 5.8 นิ้วอันสวยงาม เป็นแผง OLED แผงแรกที่มีมาตรฐานสูงพอและควรค่ากับ iPhone เพราะสามารถถ่ายทอดสีสันได้สวยงามและแม่นยำ แสดงสีดำได้ดำสนิท มีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 1,000,000 ต่อ 1 และรองรับขอบเขตสีแบบกว้างพร้อมด้วยการจัดการสีสันทั้งระบบที่ดีที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ จอภาพ HDR ยังรองรับ Dolby Vision และ HDR10 ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้รูปภาพและวิดีโอดูสวยสดงดงามยิ่งกว่าเดิม และการแสดงผลแบบ True Tone ที่เพิ่มเข้ามายังช่วยปรับไวท์บาลานซ์บนหน้าจอให้ตรงกับแสงรอบๆ อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ประสบการณ์การรับชมมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้นเหมือนกำลังดูแผ่นกระดาษจริงๆ


iOS 11 ได้รับการออกแบบขึ้นใหม่เพื่อใช้ประโยชน์เต็มที่จากจอภาพ Super Retina และแทนที่ปุ่มโฮมด้วยการขยับนิ้วสั่งการที่รวดเร็วและลื่นไหล ช่วยให้ลูกค้าใช้งาน iPhone X ได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติ เพียงแค่ปัดขึ้นจากด้านล่างก็สามารถไปที่หน้าจอโฮมได้จากทุกที่


Face ID ระบบยืนยันตัวตนที่ทั้งทรงพลังและปลอดภัย


Face ID ปฏิวัติการยืนยันตัวตนบน iPhone X โดยใช้ระบบกล้อง TrueDepth อันล้ำหน้าที่ประกอบด้วยตัวฉายจุดแสง กล้องอินฟราเรด และอิลลูมิเนเตอร์มุมกว้างในการสร้างแผนผังโครงสร้างและรู้จำใบหน้าอย่างแม่นยำ โดยมีชิพ A11 Bionic เป็นขุมพลังขับเคลื่อน เทคโนโลยีสุดล้ำที่สามารถรับรู้มิติในแนวลึกได้เหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ผู้ใช้ปลดล็อค iPhone อย่างปลอดภัย และเข้าใช้งานแอพที่มีการรักษาความปลอดภัย รวมถึงคุณสมบัติใหม่ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน

Face ID ฉายจุดแสง IR ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ากว่า 30,000 จุด จากนั้นภาพ IR และรูปแบบจุดจะถูกส่งต่อไปยังเครือข่ายนิวรอลเพื่อสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของใบหน้าคุณ และส่งข้อมูลนั้นไปยัง Secure Enclave เพื่อยืนยันใบหน้าที่ตรงกัน ในขณะเดียวกันระบบจะเรียนรู้เพื่อปรับการทำงานให้สอดคล้องกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาอีกด้วย นอกจากนี้ ข้อมูลใบหน้าทั้งหมดที่บันทึกไว้ยังได้รับการจัดเก็บไว้ใน Secure Enclave ที่มีความปลอดภัยสูง และการประมวลผลทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นบนอุปกรณ์ ไม่ใช่ในระบบคลาวด์ ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Face ID จะปลดล็อค iPhone X ก็ต่อเมื่อลูกค้ามองที่เครื่องเท่านั้น และยังได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันการหลอกโดยใช้รูปถ่ายหรือหน้ากากอีกด้วย


กล้องหน้าและหลังที่คิดขึ้นใหม่หมดมาพร้อมคุณสมบัติ "การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล"


กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 7 เมกะพิกเซลใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Face ID มาพร้อมความสามารถในการบันทึกภาพด้วยขอบเขตสีกว้าง ระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ และการควบคุมค่าแสงที่แม่นยำ และวันนี้ยังใช้โหมดภาพถ่ายบุคคลกับกล้องหน้าได้แล้วด้วย จึงสามารถถ่ายเซลฟี่ที่สวยงามน่าทึ่งด้วยเอฟเฟ็กต์ระยะชัดลึกได้


iPhone X มาพร้อมระบบกล้องหลังคู่ความละเอียด 12 เมกะพิกเซลที่ออกแบบขึ้นใหม่พร้อมด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวคู่แบบออปติคอล โดยกล้องมุมกว้างมีรูรับแสงขนาด ƒ/1.8 ส่วนกล้องเทเลโฟโต้มีรูรับแสงกว้างขึ้นเป็น ƒ/2.4 จึงสามารถถ่ายรูปและวิดีโอได้สวยงามยิ่งกว่าที่เคย นอกจากนี้ ฟิลเตอร์สีแบบใหม่ พิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น และโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพที่ดีกว่าเดิมซึ่ง Apple ออกแบบขึ้นเองยังทำให้การประมวลผลพิกเซลมีความล้ำหน้า สามารถบันทึกภาพด้วยขอบเขตสีกว้าง ออโต้โฟกัสในสภาพแสงน้อยได้เร็วขึ้น และถ่ายภาพ HDR ได้สวยขึ้นด้วย ถัดมาคือแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวงใหม่ที่ให้แสงสม่ำเสมอเต็มพื้นที่มากขึ้นถึงสองเท่าพร้อมด้วยคุณสมบัติสโลว์ซิงค์ จึงทำให้ภาพมีความสว่างสม่ำเสมอยิ่งขึ้นทั้งในฉากหลังและฉากหน้า

กล้องบน iPhone X ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อประสบการณ์ AR ในระดับสุดยอด โดยกล้องแต่ละตัวได้รับการปรับเทียบอย่างละเอียด และมีไจโรสโคปพร้อมด้วยอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบใหม่ที่ช่วยให้ติดตามการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ CPU A11 Bionic จะทำหน้าที่ในการติดตามโลกรอบตัว การรู้จำฉาก และ GPU ช่วยให้กราฟิกที่ลื่นไหลอย่างน่าทึ่งที่ระดับ 60fps ในขณะที่โปรเซสเซอร์ประมวลผลสัญญาณภาพ จะคาดคะเนสภาพแสงแบบ  เรียลไทม์ นอกจากนี้ นักพัฒนา iOS ยังสามารถใช้ประโยชน์จากกล้องหน้า TrueDepth และกล้องหลังโดยอาศัย ARKit เพื่อสร้างเกมและแอพที่มอบประสบการณ์อันเต็มอิ่มสมจริงและไหลลื่น เกินกว่าแค่ที่เห็นในหน้าจอ

กล้องใหม่ยังสามารถบันทึกวิดีโอด้วยคุณภาพสูงสุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน พร้อมด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวสำหรับวิดีโอที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงการบันทึกวิดีโอระดับ 4K สูงสุด 60fps และสโลว์โมชั่นแบบ 1080p สูงสุด 240fps นอกจากนี้ ตัวเข้ารหัสวิดีโอที่ Apple ออกแบบจะวิเคราะห์ภาพและการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์เพื่อให้ได้วิดีโอที่มีคุณภาพดีที่สุด


โหมดภาพถ่ายบุคคลพร้อมคุณสมบัติ "การจัดแสงภาพถ่ายบุคคล" ของทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเป็นการนำเอฟเฟ็กต์แสงระดับสตูดิโอสุดอลังการมาสู่ iPhone และช่วยให้ลูกค้าสามารถถ่ายภาพบุคคลที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยเอฟเฟ็กต์ระยะชัดตื้นในสไตล์การจัดแสงที่แตกต่างกัน 5 แบบ

ใน iOS 11 นั้น iPhone X รองรับ HEIF และ HEVC ที่บีบอัดข้อมูลได้ดีขึ้นสูงสุดสองเท่า และจัดเก็บรูปภาพและวิดีโอได้มากขึ้นอีกสองเท่า


Animoji เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับอิโมจิ


กล้องหน้า TrueDepth เพิ่มความมีชีวิตชีวาในรูปแบบใหม่ให้กับอิโมจิด้วย Animoji แสนสนุก โดยกล้อง TrueDepth จะทำงานร่วมกับชิพ A11 Bionic เพื่อบันทึกและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่แตกต่างกันกว่า 50 รูปแบบ แล้วจำลองการแสดงออกทางใบหน้าเหล่านั้นบน Animoji ที่เคลื่อนไหวได้ 12 แบบ เช่น แพนด้า ยูนิคอร์น และหุ่นยนต์ โดยลูกค้าสามารถบันทึกและส่งข้อความ Animoji ด้วยแอพ iMessage ที่ติดตั้งมาให้แล้วบน iPhone X โดยใช้เสียงของตนเอง และยังสามารถยิ้ม ขมวดคิ้ว และอีกมากมายได้ด้วย


ขอแนะนำชิพ A11 Bionic


ชิพ A11 Bionic ชิพที่ทรงพลังและฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีในสมาร์ทโฟนมาพร้อม CPU แบบ 6 คอร์ ซึ่งประกอบด้วยคอร์ประมวลผลการทำงาน 2 คอร์ที่เร็วขึ้น 25% และคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ที่เร็วกว่าชิพ A10 Fusion ถึง 70% จึงมีประสิทธิภาพในการประมวลผลและการประหยัดพลังงานอยู่ในระดับแนวหน้าของวงการ ตัวควบคุมประสิทธิภาพรุ่นที่ 2 ใหม่สามารถขับเคลื่อนทั้ง 6 คอร์ไปพร้อมๆ กัน  จึงช่วยให้การทำงานที่ซับซ้อนและหลากหลายมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึง 70% ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้นโดยที่แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า iPhone 7 ถึง 2 ชั่วโมง ชิพ A11 Bionic ยังรวม GPU ที่ออกแบบโดย Apple เข้ากับดีไซน์แบบ 3 คอร์ที่จะยกระดับประสิทธิภาพด้านกราฟิกให้เร็วขึ้นอีกถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และขุมพลังทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้การเรียนรู้ของระบบอันล้ำสมัย รวมถึงแอพ AR และเกม 3D แบบสมจริงเป็นไปได้ใน iPhone


ระบบการคิดแบบนิวรอลในชิพ A11 ใหม่เป็นการออกแบบแบบ Dual-core จึงสามารถประมวลผลได้เร็วสุดยอดถึง 6 แสนล้านรายการต่อวินาที เหมาะสำหรับการประมวลผลแบบเรียลไทม์ และระบบการคิดแบบนิวรอลในชิพ A11 ยังได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับอัลกอริทึมการเรียนรู้ของจักรกล ทำให้สามารถใช้งาน Face ID รวมถึง Animoji และคุณสมบัติอื่นๆ ได้


ออกแบบมาเพื่ออนาคตแห่งโลกไร้สาย


ดีไซน์ด้านหลังแบบกระจกคือส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบชาร์จแบบไร้สายระดับโลกกลายเป็นจริง โดยการชาร์จแบบไร้สายสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของ Qi ซึ่งรวมถึงแผ่นรองชาร์จไร้สายแบบใหม่สองรุ่นจาก Belkin และ mophie ซึ่งมีจำหน่ายที่ apple.com/th และ ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple

Apple เผยโฉม AirPower อุปกรณ์เสริมสำหรับการชาร์จแบบไร้สายที่จะวางจำหน่ายในปี 2018 ซึ่งมีพื้นที่สำหรับการชาร์จกว้างพอในระดับที่ลูกค้า iPhone 8, iPhone 8 Plus หรือ iPhone X สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึง 3 ชิ้น ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง Apple Watch Series 3 และกล่องชาร์จ AirPods แบบไร้สายใหม่





แหล่งที่มา