Apple Watch Series 3 เริ่มวางจำหน่ายในไทยแล้ว เริ่มต้น 11,900 บาท


Apple Watch Series 3 รุ่นใหม่ได้เพิ่มระบบเซลลูลาร์เข้ามาไว้ในตัวเรือนนาฬิกา ไม่ว่าผู้สวมใส่จะออกไปวิ่ง ว่ายน้ำ หรือเพียงแค่พยายามเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน Apple Watch Series 3 ที่มีระบบเซลลูลาร์ก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถโทรออก รับข้อความ และทำสิ่งอื่นๆ อีกมากมายได้ แม้ไม่มี iPhone อยู่ใกล้ตัว

Apple Watch Series 3 เป็นคู่หูด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติการฝึกสอนอัจฉริยะ ความสามารถในการทนน้ำที่ 50 เมตร และเครื่องวัดระดับความสูงสัมพัทธ์จากความกดอากาศ โดย Apple Watch Series 3 มีสองรุ่นด้วยกัน รุ่นแรกที่มาพร้อม GPS และระบบเซลลูลาร์ และอีกรุ่นหนึ่งที่มาพร้อม GPS เพียงอย่างเดียว ซึ่งทั้งสองรุ่นใช้โปรเซสเซอร์แบบ Dual-core ที่เร็วขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ พร้อมชิพไร้สายใหม่

Apple Watch Series 3 (GPS + เซลลูลาร์) มาพร้อมระบบวิทยุเซลลูลาร์ LTE และ UMTS เต็มรูปแบบ โดยจะสลับไปใช้ระบบเซลลูลาร์อย่างราบรื่นเมื่ออยู่ห่างจาก iPhone ซึ่งนาฬิกาจะใช้หมายเลขเดียวกับ iPhone ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบอกหมายเลขเพิ่มเติมกับครอบครัว เพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ที่เข้าร่วมรายการยังมีแผนบริการข้อมูลเซลลูลาร์เบื้องต้นพิเศษในช่วงเปิดตัวอีกด้วย เพื่อช่วยให้ลูกค้าเริ่มต้นใช้งานได้ ลูกค้าจะสามารถโทรออกผ่านระบบเซลลูลาร์ได้โดยตรงด้วย Apple Watch Series 3 (GPS + เซลลูลาร์) และยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ไร้สายเต็มรูปแบบที่ไม่สะดุดได้เมื่อใช้ร่วมกับ AirPods ทั้งนี้ Apple ยังบุกเบิกดีไซน์เสาอากาศแรกของอุตสาหกรรมที่ใช้จอภาพเป็นตัวรับส่งสัญญาณ LTE และ UMTS ในขณะเดียวกันก็เปิดตัว eSIM ในตัวที่มีขนาดเล็กกว่าซิมการ์ดปกติถึงหนึ่งในร้อย ทำให้การเปิดใช้งานผ่านระบบไร้สายเป็นไปได้โดยใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อย

หัวใจหลักของ Apple Watch Series 3 ก็คือ S3 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมรุ่นที่ 3 ของ Apple ที่มีโปรเซสเซอร์แบบ Dual-core ที่เร็วขึ้น ซึ่งช่วยให้สามารถเปิดแอพได้เร็วขึ้นและมีกราฟิกลื่นไหลยิ่งขึ้น และยังทำให้ Siri สามารถพูดด้วยลำโพงในตัวได้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ Apple ได้ออกแบบชิพไร้สายใหม่โดยเฉพาะที่เรียกว่า W2 ซึ่งทำให้ Wi-Fi เร็วขึ้น 85 เปอร์เซ็นต์ และทำให้ Bluetooth และ Wi-Fi ประหยัดพลังงานขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยังคงมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ตลอดทั้งวันและมีขนาดเท่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น Apple Watch Series 3 ยังมีเครื่องวัดระดับความสูงจากความกดอากาศอีกด้วย ซึ่งช่วยในเรื่องของการติดตามกิจกรรม จำนวนขั้นบันใดที่ขึ้น และการออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของระดับความสูง

watchOS 4 มีแอพอัตราการเต้นของหัวใจที่ได้รับการอัพเดทใหม่ ซึ่งให้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้นเกี่ยวกับอัตราการเต้นของหัวใจ ได้แก่ การวัดระหว่างการพัก การออกกำลังกาย การฟื้นตัว การเดิน และขณะใช้แอพหายใจ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกที่จะรับการแจ้งเตือนเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าเกณฑ์ที่ระบุในขณะที่ไม่ได้ใช้งานได้เช่นกัน ส่วนคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมอื่นๆ ของ watchOS 4 ประกอบด้วยหน้าปัดนาฬิกา Siri ที่จะแสดงข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการมากที่สุดตลอดทั้งวัน แอพออกกำลังกายที่ได้รับการปรับปรุงด้วยอินเตอร์เฟซใหม่ ประเภทการออกกำลังแบบเข้มข้นสลับช้าเร็ว (HIIT) แบบกำหนดเอง และการนับเซ็ตโดยอัตโนมัติสำหรับการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ และด้วย GymKit ในเร็วๆ นี้ ผู้ใช้ก็จะได้ลองใช้ความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์คาร์ดิโอเครื่องโปรดของพวกเขา และสัมผัสกับการซิงโครไนซ์ข้อมูลแบบสองทางด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว ซึ่งส่งผลให้มีข้อมูลแม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แอพ Music ที่ออกแบบใหม่จะซิงค์เพลย์ลิสต์ เช่น เพลงใหม่ล่าสุด และเพลงโปรดโดยอัตโนมัติ พร้อมกับเพลงที่ผู้ใช้ฟังบ่อยที่สุด เร็วๆ นี้ Apple Watch Series 3 (GPS + เซลลูลาร์) จะสามารถสตรีมเพลงได้ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงทุกเพลงจาก Apple Music โดยตรงจากข้อมือได้ ทั้งนี้แอพ Radio ใหม่ยังเปิดให้ผู้ใช้ฟัง Beats 1 แบบสดๆ หรือสถานีวิทยุ Apple Music ใดๆ ก็ได้ แม้จะไม่มี iPhone หรือ Wi-Fi

Apple Watch Series 3 (GPS) มีราคาเริ่มต้นที่ 11,900 บาท มีการอัพเกรดใหม่ๆ อย่างเช่นโปรเซสเซอร์แบบ Dual-core และชิพไร้สายที่เร็วขึ้น รวมทั้งเครื่องวัดระดับความสูงจากความกดอากาศ นอกจากนี้ Apple Watch Series 3 (GPS + เซลลูลาร์) ยังเปิดตัวพร้อมกับ Digital Crown สีแดงสุดพิเศษ และหน้าปัดนาฬิกา “Explorer” ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษซึ่งแสดงการเชื่อมต่อระบบเซลลูลาร์ผ่านดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร ส่วน Series 1 จะวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นใหม่ที่ 8,900 บาท ซึ่งเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่าที่เคย

นอกเหนือจากตัวเรือนอะลูมิเนียมสีเงินและสีเทาสเปซเกรย์แล้ว Apple Watch Series 3 จะวางจำหน่ายพร้อมตัวเรือนอะลูมิเนียมสีทองอันหรูหรา พร้อมกับตัวเรือนสแตนเลสสตีลสีเงินหรือสีดำสเปซแบล็ค ซึ่งล้วนเข้ากันได้ดีกับสีสันและสไตล์ใหม่ๆ ของสาย นอกจากนี้สายแบบ Woven Nylon ยังได้รับการอัพเดตด้วยลวดลายใหม่ และสายแบบ Sport Loop ที่เบาอย่างน่าทึ่งก็สามารถปรับให้พอดีกับข้อมือได้ง่ายดายเพื่อให้สวมใส่สบายไร้ที่ติ ส่วน Apple Watch Edition ก็มีตัวเรือนเซรามิคสีเทาเข้มอันสวยงามที่เข้ากันได้ดีกับสายแบบ Sport Band สีทูโทนใหม่


Apple Watch Nike+ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และภายในปีนี้ ความร่วมมือยังนี้คงดำเนินต่อไปด้วยการเปิดตัวของ Series 3 ทั้งสองรุ่นที่มาคู่กับสาย Nike Sport Band หรือสายแบบ Sport Loop สี Pure Platinum/Black ในสีสันสุดพิเศษ แอพ Nike Run Club ได้รับการอัพเดตด้วยคุณสมบัติใหม่อันน่าตื่นเต้น ได้แก่ Audio Guided Run ที่จะให้การฝึกสอนระดับโลกและคำกระตุ้นแรงจูงใจจากโค้ช นักกีฬา และนักแสดงชั้นนำจาก Nike ในขณะเดียวกันคุณสมบัติ Cheer ก็จะช่วยให้การวิ่งของคุณสนุกยิ่งขึ้น โดยทำให้เพื่อนๆ ของคุณสามารถส่งกำลังใจด้วยเสียงมากระตุ้นคุณในขณะที่วิ่ง ในขณะที่ Just Do It Sunday ยังคงให้แรงบันดาลใจและรางวัลจากการมีส่วนร่วมในชุมชนนักวิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกต่อไป

Apple Watch Series 3 (GPS) และ Apple Watch Series 3 Nike+ (GPS) จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2560 เป็นต้นไป ราคา 11,900 บาท ส่วน  Apple Watch Series 3 (GPS + เซลลูลาร์) ยังไม่เปิดเผยราคาและกำหนดการวางจำหน่าย

แหล่งที่มา - apple